การจะเอนท์ติดหรือไม่อยู่ที่
1.อ่านจนกระจ่างแจ่มแจ้งเข้าใจ
2.วัดผลโดยฝึกทำข้อสอบให้มากๆว่าที่อ่านไปทำได้ไหม
3.หมั่นประยุกต์ความรู้ไปใช้กับโจทย์แนวต่างๆให้ได้มากๆ
ความรู้แบ่งเป็น
1.ต้องรู้
2.ควรรู้
3.น่าจะรู้
ต้องรู้ : คือสิ่งที่ออกข้อสอบในรอบ 5-10 ปีที่ผ่านมา เราต้องอ่านจนเราจับจุดได้(ยิ่งอ่านหลายปี ก็จะยิ่งจับจุดได้)
ควรรู้ +น่าจะ : เกิดจากการอ่านตั้งแต่รอบสองรอบสามขึ้นไปจนตกผลึกทางความคิดเป็นของตัวเอง
ซึ่งเมื่อพี่ ๆ เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
จึงได้รู้ว่าเขาอ่านกันหลายรอบจริงๆ
ไม่ใช่หลายรอบเพราะอยากได้จำนวนรอบ
แต่ยิ่งอ่านแต่ละครั้ง ก็จะได้ความกระจ่างมากขึ้น
มองความสัมพันธ์ระหว่างบทได้มากขึ้น
มองทะลุมากขึ้นว่า ถ้าเราเป็นผู้ออกข้อสอบเราควรออกอะไรดี
คนบางคนอายุสี่ห้าสิบแต่ยังไม่มีความรับผิดชอบ
แต่เด็กบางคนยังไม่ย่างยี่สิบเลย กลับดูเป็นผู้ใหญ่แล้ว^_^
เพราะการอบรมเลี้ยงดูและประสบการณ์ที่พรั่งพรูเข้ามาในชีวิตที่แตกต่างกัน
เช่นเดียวกัน นักเรียนที่ผ่านหนังสือ
ผ่านโจทย์มามากก็มองและทำข้อสอบแตกฉานต่างกับคนที่ไม่ค่อยได้จับหนังสือ
วันนี้คนโง่ ๆ อย่างพี่ ๆ ในวัยเด็ก
สามารถเป็นเครื่องพิสูจน์ให้พวกหนูเห็นว่าพี่ ๆ ก็สามารถเข้ามหาวิทยาลัยในฝันได้
การพบและสะสมความรู้ไว้มากๆทำให้เรากลายเป็นปราชญ์ได้
อ่านเถอะอ่านมากๆทำแบบฝึกหัดเยอะ
เชื่อซิถ้าอยากเอนท์ติดทิ้งมันไปไอ้ความเกียจคร้านขี้เกียจ เอาไว้ก่อนเดี่ยวค่อยอ่านอะไรนี่
มันเป็นตัวถ่วงความเจริญโคตร ๆ
สู้ ๆ ๆ ๆเพื่อทางสู้ฝัน